8 วิธีกระตุ้นพัฒนาการสมองลูกรัก

ช่วงแรกเกิดถึง 6 ปี เป็นช่วงที่สมองมีอัตราการพัฒนาจุดเชื่อมต่อของใยประสาทเป็นโครงข่ายเชื่อมโยงกันเพื่อให้สมองแต่ละส่วนทำงานประสานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

สำหรับวิธีที่ฝึกสมองของลูกนั้นมีอะไรบ้างไปดูกัน

  1. สารอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอ
    สารอาหารที่สำคัญได้แก่ ไอโอดีนที่พบในอาหารทะเล ธาตุเหล็กในเนื้อแดง ตับ ไข่ ไขมันจากปลาทะเล โประตีนจากเนื้อสัตว์ ไข่
    วิตามินและแร่ธาตุในผักและผลไม้สด เป็นต้น
  2. นอนหลับให้เพียงพอและมีคุณภาพ
    ทารกนอน 13-17 ชั่วโมง
    เด็กอายุ 1-5 ปี นอน 11-14 ชั่วโมง
    หลัง 5 ปีส่วนใหญ่จะไม่นอนกลางวันแล้ว
    ควรงดใช้หน้าจอมือถือ แท็ปเบลต ทีวี ก่อนนอน 1-2ชั่วโมง เพื่อการนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่
  3. การเล่นที่เหมาะสมตามวัย
    ช่วยให้เด็กผ่อนคลายและเปิดโอกาสในการเรียนรู้ทุกๆด้าน
    ควรส่งเสริมให้เด็กได้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจินตนาการ กล้าคิด กล้าทำ ลองผิด ลองถูก
    เพิ่มความจำ สมาธิ และฝึกความอดทนในการพยายามแก้ปัญหา
  4. การเล่านิทาน
    เปิดโอกาสให้ลูกได้ตั้งคำถาม พูดโต้ตอบ แสดงความคิดเห็น เพื่อเด็กจะได้พัฒนาด้านจินตนาการ
    เลือกใช้ภาษาในการแสดงอารมณ์ความรู้สึก การลำดับเหตุการณ์
    อีกทั้งเนื้อหาในนิทานยังสอนเรื่องคุณธรรมจริยธรรม การมีน้ำใจ ระเบียบวินัย และวิธีการแก้ไชปํญหา เป็นต้น
  5. สมองดีดนตรีช่วยได้
    จังหวะและเสียงดนตรีช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ เพิ่มทักษะความจำ
    ทั้งเนื้อร้อง ทำนอง จังหวะดนตีของแต่ละเพลง
  6. ออกกำลังการสม่ำเสมอ
    เด็กๆควรได้เคลื่อนไหวออกกำลังกายกลางแจ้งทุกวัน
    ช่วยให้นอนหลับสบาย กระตุ้นความอยากอาหาร
    กระตุ้นการทำงานของสมองทั่งสองซีกให้เชื่อมโยงกัน
    เมื่อเข้าสู่วัยเรียนควรได้เล่นกีฬาที่มีการแข่งขัน กติกา
    ให้เด็กรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภ้ย เพื่อพัฒนาด้านการควบคุมอารมณ์
    การการสร้างสัมพันธภาพทางสังคมต่อไป
  7. สิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย
    ด้านกายภาพ ระวังการหกล้ม ตกจากที่สูง สิ่งของหนักล้มทับ
    การจมน้ำ การเดินทาง ป้องกันภัยจากโรคระบาด โควิด
    สุขอนามัย ล้างมือ หน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงที่ชุมชนคนเยอะๆ
  8. การเลี้ยงลูกเชิงบวก
    เลี้ยงลูกในบรรยากาศที่ผ่อนคลายและมีความสุข ด้วยความรักความผูกพันธ์กับผู้เลี้ยงดู
    เกิดความมั่นคงทางอารมณ์ เห็นตนเองมีคุณค่าและเห็นคุณค่าของผู้อื่นด้วย
    พ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างไม่ใช้ความรุนแรง เห็นอกเห็นใจ ให้กำลังใจ ให้อภัยกัน

รศ.พญ.ทิพวรรณ หรรษคุณาชัย
BRAND’S Health Partner Magazine