ช่วงแรกเกิดถึง 6 ปี เป็นช่วงที่สมองมีอัตราการพัฒนาจุดเชื่อมต่อของใยประสาทเป็นโครงข่ายเชื่อมโยงกันเพื่อให้สมองแต่ละส่วนทำงานประสานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับวิธีที่ฝึกสมองของลูกนั้นมีอะไรบ้างไปดูกัน
- สารอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอ
สารอาหารที่สำคัญได้แก่ ไอโอดีนที่พบในอาหารทะเล ธาตุเหล็กในเนื้อแดง ตับ ไข่ ไขมันจากปลาทะเล โประตีนจากเนื้อสัตว์ ไข่
วิตามินและแร่ธาตุในผักและผลไม้สด เป็นต้น - นอนหลับให้เพียงพอและมีคุณภาพ
ทารกนอน 13-17 ชั่วโมง
เด็กอายุ 1-5 ปี นอน 11-14 ชั่วโมง
หลัง 5 ปีส่วนใหญ่จะไม่นอนกลางวันแล้ว
ควรงดใช้หน้าจอมือถือ แท็ปเบลต ทีวี ก่อนนอน 1-2ชั่วโมง เพื่อการนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ - การเล่นที่เหมาะสมตามวัย
ช่วยให้เด็กผ่อนคลายและเปิดโอกาสในการเรียนรู้ทุกๆด้าน
ควรส่งเสริมให้เด็กได้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจินตนาการ กล้าคิด กล้าทำ ลองผิด ลองถูก
เพิ่มความจำ สมาธิ และฝึกความอดทนในการพยายามแก้ปัญหา - การเล่านิทาน
เปิดโอกาสให้ลูกได้ตั้งคำถาม พูดโต้ตอบ แสดงความคิดเห็น เพื่อเด็กจะได้พัฒนาด้านจินตนาการ
เลือกใช้ภาษาในการแสดงอารมณ์ความรู้สึก การลำดับเหตุการณ์
อีกทั้งเนื้อหาในนิทานยังสอนเรื่องคุณธรรมจริยธรรม การมีน้ำใจ ระเบียบวินัย และวิธีการแก้ไชปํญหา เป็นต้น - สมองดีดนตรีช่วยได้
จังหวะและเสียงดนตรีช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ เพิ่มทักษะความจำ
ทั้งเนื้อร้อง ทำนอง จังหวะดนตีของแต่ละเพลง - ออกกำลังการสม่ำเสมอ
เด็กๆควรได้เคลื่อนไหวออกกำลังกายกลางแจ้งทุกวัน
ช่วยให้นอนหลับสบาย กระตุ้นความอยากอาหาร
กระตุ้นการทำงานของสมองทั่งสองซีกให้เชื่อมโยงกัน
เมื่อเข้าสู่วัยเรียนควรได้เล่นกีฬาที่มีการแข่งขัน กติกา
ให้เด็กรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภ้ย เพื่อพัฒนาด้านการควบคุมอารมณ์
การการสร้างสัมพันธภาพทางสังคมต่อไป - สิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย
ด้านกายภาพ ระวังการหกล้ม ตกจากที่สูง สิ่งของหนักล้มทับ
การจมน้ำ การเดินทาง ป้องกันภัยจากโรคระบาด โควิด
สุขอนามัย ล้างมือ หน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงที่ชุมชนคนเยอะๆ - การเลี้ยงลูกเชิงบวก
เลี้ยงลูกในบรรยากาศที่ผ่อนคลายและมีความสุข ด้วยความรักความผูกพันธ์กับผู้เลี้ยงดู
เกิดความมั่นคงทางอารมณ์ เห็นตนเองมีคุณค่าและเห็นคุณค่าของผู้อื่นด้วย
พ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างไม่ใช้ความรุนแรง เห็นอกเห็นใจ ให้กำลังใจ ให้อภัยกัน
รศ.พญ.ทิพวรรณ หรรษคุณาชัย
BRAND’S Health Partner Magazine